my slide show

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

4 สูตรทำให้ผอมยอดฮิต


สูตรลดน้ำหนักทั้ง 4 แบบนี้มีดีกันคนละอย่าง เราก็เลยจับมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่าสูตรไหนน่าจะเหมาะกับสาวๆ มากที่สุด


สูตรที่ 1 อดอาหารทุกชนิด วิธี นี้โหดที่สุดแล้วในบรรดากรรมวิธีทรมานคนเพื่อหุ่นสวยทั้งหมด เพราะมันคือการไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า วีนี้ถ้าสาวที่น้ำหนักเกินมากๆ ลองทำดู จะพบว่าน้ำหนักหายไปเร็วจี๋ยิ่งกว่าถูกขโมยขึ้นบ้าน เพราะร่างกายจะสูญเสียไขมัน กล้ามเนื้อ เกลือแร่ และวิตามินไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่ทำแบบนี้ต้องอย่าลืมปะทังชีวิตด้วยการดื่มนม น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้บ่อยๆ ไม่อย่างนั้นนอกจากน้ำหนักจะหายแล้ว ชีวิตก็อาจจะหายไปพร้อมกันด้วย
ข้อเสีย เตรียมรับมือกับโรคกระเพาะ โรคเลือดเป็นกรด เครียดอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อฝ่อ และกล้ามเนื้อหัวใจลีบได้เลย

สูตรที่ 2 กินแต่ผักและผลไม้
งดอาหารที่เป็นแป้ง ไขมัน และเนื้อสัตว์ทั้งหมด แต่ก็ต้องเลือกด้วยว่าจะทานผลไม้ชนิดไหน เพราะบางอย่างก็มีน้ำตาลสูงปรี๊ดเกินคาด แต่รับรองว่ายังไงๆ น้ำหนักก็ลดแน่ๆ
ข้อเสีย ถึงจะไม่อันตรายเท่าวิธีแรกแต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะการอดเนื้อสัตว์จะทำให้ขาดโปรตีน ทำให้หมดแรง มึนซึม คิดอะไรไม่ออก จึงต้องทานเต้าหู้เสริมมากๆ เพื่อชดเชยโปรตีนให้ตัวเองด้วย

สูตรที่ 3 กินอาหารให้พลังงานต่ำ คนที่จะทำวิธีนี้ได้ต้องเป็นนักจดเพราะต้องจดทุกมื้อที่กินเข้าไป เอาไปคำนวณไม่ให้แต่ละมื้อมากกว่า 1,000 แคลอรี แต่เป็นวิธีที่ไม่
ทรมานและไม่เสียสุขภาพ

สูตรที่ 4 กินแต่เนื้อสัตว์อย่างเดียว แต่ต้องเป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และต้องไม่กินหนังด้วย
ข้อเสีย การเลือกกินแต่เนื้อสัตว์จะทำให้ร่างกายได้รับแต่โปรตีน ขาดวิตามินและเกลือแร่ในแต่ละมื้อจึงควรทานผลไม้ร่วมด้วย 1 จานเล็กๆ

เสื้อคู่รัก แบบฉบับเลิฟ ๆ ต้อนรับวาเลนไทน์


อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแห่งความรักแล้วสินะ สาวโสดสาวซ่าทั้งหลาย คงเกิดอาการหวั่นหัวใจนิด ๆ ว่าปีนี้จะทำอะไรดี จะไปเที่ยวไหนดี หรือจะมีหนุ่มคนไหนมาทำเซอร์ไพรส์ให้ของขวัญ หรือมาสารภาพบอกรักกันบ้างไหมน้า... ทุกสิ่งอย่างล้วนอยู่ในจินตนาการของสาวโสด (อิอิ)

          เอาน่า จะโสดหรือไม่โสด สาวซ่าอย่างเรา ๆ ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ล้วนแล้วแต่มีความรักด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรักพ่อ รักแม่ รักแบบพี่ รักแบบน้อง รักหลากแบบหลายสไตล์อะไรก็ว่ากันไปเรื่อย แม้จะยังไม่มีความรักแบบ "คู่รัก" ก็ตาม...

          ฮึ๊บ!! เกริ่นมาซะยืดยาว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้มุมมองความรักขออินเทรนด์ ทำตัวให้เข้ากับกระแสเดือนแห่งความรัก และต้อนรับวันวาเลนไทน์ด้วยการนำ แฟชั่นเสื้อคู่รัก น่ารัก ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ที่มีคู่ และกำลังหาคู่ทั้งหลาย ฮ่า ๆ ว่าแต่จะสวยน่ารัก น่าใส่โชว์ความเลิฟออกสื่อขนาดไหน เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย...

          อ๊ะ ๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า สาวคนไหนไม่มีคู่แต่อยากจะใส่ เสื้อคู่รัก น่ารัก ๆ ก็สามารถใส่คู่กับเพื่อนสาวเพื่อนหนุ่มได้ไม่มีใครว่าค่า...

                                                                   เสื้อคู่รัก

                                                   
                                                                  เสื้อคู่รัก


                                                                    น่ารักมากค่า


                                                                                             เสื้อคู่รัก
                                                                                             เสื้อคู่รัก

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

7วิธี เร่งผมยาว ให้ทันใจ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะ เร่งผมยาว ให้ได้ดั่งใจ นี่คือวิธีการเพิ่มการเจริญเติบโตให้ เส้นผม ของคุณได้อย่างแข็งแรงและรวดเร็ว

1.ออกกำลังกายให้เส้นผม
เร่งสปีดความเร็วให้ เร่งผมยาว เร็วแบบติดเทอร์โบด้วยการก้มศีรษะให้เลือดไปเลี้ยงที่ศีรษะค้างไว้สัก 30 วินาที ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาทำเช่นนี้ทุกวัน เลือดจะไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นผมที่ศีรษะ ทำให้เส้นผมแข็งแรงและยาวเร็วขึ้นด้วย  
2.เพิ่มโปรตีน
Lee Stafford ช่างทำผมคนดังของเกาะอังกฤษแนะว่า โปรตีนสามารถปกป้องและซ่อมแซมเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วงและการแตกหักของเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรง และยาวเร็วขึ้นได้
3.กินปลา
Richard Ward กล่าวไว้ว่า ปลา พืชผักใบเขียว และบลูเบอรี่เป็นแหล่งอาหารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ฉะนั้นบริเวณใดก็ตามในร่างกายที่มีเลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงได้ดีจะทำให้ร่างกายบริเวณนั้นแข็งแรง มีชีวิตชีวารวมไปถึงเส้นผมบนศีรษะด้วย  
4.เคยนวดศีรษะกันบ้างไหม
Phillip Kingsley เปิดเผยให้ฟังถึงศาสตร์ของการนวดศีรษะว่า การนวดศีรษะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบนศีรษะ และทำให้ระบบเมตาโบลิซึ่ม ทำงานได้อย่างเป็นปกติ และยังจะช่วยทำให้เส้นผมเติบโตเร็วขึ้น การนวดศีรษะอาจทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านในขณะสระผม โดยการใช้นิ้วมือกดและนวดไปตามจุดบนศีรษะอย่างเบามือ
5.แปรงให้ถูก
หลีกเลี่ยงการทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงด้วยการไม่หวีผมขณะยังเปียกอยู่ เลือกใช้หวีซี่ใหญ่และห่างในการหวีผมช่วงผมเปียกแทน 
6.ตัดผมบ้าง
อาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการเล็มผมบ่อยๆ จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น การเล็มผมนอกจากจะทำให้ผมยาวเร็วขึ้นแล้วถือว่ายังเป็นการกำจัดผมแตกปลายไปในตัวด้วย รู้อย่างนี้แล้วก็หมั่นให้ช่างเล็มผมก็จะดีไม่ใช่น้อย
7.ต่อผมก็ได้
สำหรับสาวใจร้อนที่ทนรอให้ผมยาวไม่ได้หรืออาจมีภารกิจสำคัญที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องไว้ผมยาวภายใน 1 วัน ให้ลองมองหาร้านทำผมที่มีบริการต่อผมดู ให้เลือกใช้บริการร้านต่อผมที่ค่อนข้างมีประสบการณ์สักนิดก่อนที่คิดจะต่อผม

วิธีแก้ขอบตาดำ

วิธีที่ 1 สับมันฝรั่งห่อด้วยผ้าขาวบางนำมาวางบนเปลือกตาทุกเช้าจะช่วยลดลอยคล้ำได้
วิธีที่ 2 สำหรับคนที่นอนดึก ตาคงเป็นหมีแพนด้า อิอิเรามีวิธีช่วยคุณได้เพียงคุณน้ำเกลือ ที่ใช้ประจำเวลาทำกับข้าวนำมาละนำสำลีมาจุ่มบิดพอหมาดๆๆมาแปะที่ตาเป็นประจำเท่านี้ละค่ะรอบดำคล้ำใต้ตาจะค่อยจางลงจาวลง
วิธีที่ 3 ขั้นตอนที่1. นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น นำมาวางไว้บนหน้า ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างด้วยน้ำเย็นจัด2. หลับตาลงแล้วใช้นิ้วกลางกดหางคิ้วทั้งสองข้าง3. ใช้นิ้วโป้ง กดเบ้าตาช่วงหัวตาค้างไว้สัก 5 วินาที ค่อย ๆ ปล่อยแล้วกดลงไปใหม่ทำซ้ำประมาณ 5 - 10 ครั้ง 4. ใช้นิ้วกลางกดสันจมูก ช่วงหัวตาค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยทำซ้ำ 5 - 10ครั้งเช่นเดิม
วิธีที่ 4 วิธีทำคือ นำเกลือ 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำร้อนครึ่งถ้วย ใช้ผ้านุ่ม ๆ หรือสำลีชุบในน้ำเกลือ บีบน้ำออกเล็กน้อย (แบบไม่ชุบให้ชุ่มจนเกินไป) จากนั้นนำมาปิดตาทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที รอยช้ำรอบ ๆ ดวงตา ก็จะค่อย ๆ จางลงอย่างเห็นได้ชัด ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้  

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ
เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรักที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...

วิธีอ่านหนังสือสอบให้เข้าสมอง (บ้างก็ยังดีนะ...)

1.เล็กเชอร์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง 

ข้าพเจ้าเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ
เพราะฉะนั้นคนขี้เกียจ ควรจะเข้าชั้นเรียนเยอะๆ อย่าอู้ อย่าโดด อย่าหนี
อย่าคิดว่าการเข้าชั้นเรียนก็เป็นการไปฟังหนังสือพูดได้ ไปดูอาจารย์ปิ้งแผ่นใส
(สมัยนี้ยังมีแผ่นใสอีกมั้ย เอาเป็นว่าปิ้งกระดาษบนเครื่องฉายโปรเจกเตอร์ละกันนะ )
เคยคิดอย่างนี้ตอน ปี 1 (โดนรุ่นพี่เสี้ยมสอนว่ามาอ่านเอาเองก็ได้)
แต่ก็ขี้เกียจอ่านหนังสือเองอีก สรุปคือได้เกรดแมวเกรดแมวติดเอดส์มาสนุกสนานมาก
(ทั้งๆ ที่ง่ายแท้ๆ แต่หนูมันแย่ที่แพ้ ป.4 )
การเข้าชั้นเรียน (ที่ถึงแม้อาจารย์จะสอนตามหนังสือก็เถอะ)
มันก็เป็นการรับความรู้เข้าสมองอีกแบบของเรา (โดยที่เราไม่ต้องอ่านเอง)
พยายามฟัง แล้วจดเล็กเชอร์เข้าว่า(จดเขี่ยไม่เป็นไร มาจดใหม่สวยๆ ทีหลังยังได้
แต่ถ้าขี้เกียจนักก็พยายามจดให้มันดีๆ ในห้องละกัน เขี่ยมากอาจขี้เกียจอ่านได้ )
ฝึกทำตัวมีระเบียบนิดนึง หัดใช้ปากกาสีมาช่วยเน้นข้อความที่ควรจะจำ
เช่น สูตร E = mc2 ออกแน่ใช่มั้ย ใช้ปากกาสีชมพูขีดกรอบให้ซะเลย
เวลามาดูอีกที จะได้สะดุดตายังไงละคะ 

2. ใช้สีสันช่วยในการอ่าน


อันนี้ก็เหมือนข้อแรกนั่นแหละ แต่ใช้กะการอ่านหนังสือ
เวลาอ่านก็อย่าสักแต่อ่านผ่านๆ ให้อ่านไปด้วย ขีดเน้นข้อความสำคัญไปด้วย
มาอ่านอีกทีก็ดูแต่ตรงที่เน้นสีก็พอ อันนี้ก็พอช่วยได้นิดหน่อย
(เพื่อนที่เก่งๆ เคยแนะนำว่า เวลาอ่านหนังสือให้ลองอ่านออกเสียงเบาๆ ด้วย
มันจะทำให้เราอ่านช้าลง จับรายละเอียดได้มากขึ้น และเหมือนเป็นการอ่าน
2 ครั้งในครั้งเดียว คือฟังที่เราอ่านออกเสียง กะซึมซับจากที่เราอ่านในใจไงฮิ )

3. ใช้ short note หรือ post it ช่วยในการจำ

ถ้าเห็นหนังสือมันเยอะนัก ก็ลองคัดสูตร หรือข้อความที่เก็งๆ ไว้ว่าน่าจะออก
มาจดใส่กระดาษเล็กๆ แล้วอ่านดู
ในกรณีท่องคำศัพท์ ก็จดใส่ post it แล้วไปแปะหน้าส้วม เวลาทำธุระก็อ่านไป
หรือติดหน้าตู้เสื้อผ้า เวลาแต่งตัวก็ท่องคำศัพท์ไป ค่อนข้างช่วยได้พอสมควรเลยแหละ ลองดูๆ 

4. นัดกันอ่านหนังสือเป็นกลุ่ม

ช่วยกันอ่านช่วยกันติว ข้อนี้ชั้นไม่เข้าใจแกสอนหน่อย
คนถูกสอนก็เข้าใจ คนช่วยสอนก็ได้อานิสงส์
(เค้าบอกว่าคนที่ชอบติวเพื่อนจะเก่งนะ เพราะว่าได้ทวนบ่อยๆ ไง)
การอ่านหนังสือเป็นกลุ่มจะช่วยลดความตึงเครียดนิดนึงตรงได้ช่วยกันอ่านช่วยกันติว
ถ้าหิวก็แวะเข้าเซเว่นซื้อขนมมารวมหัวกันจกได้ เครียดมากก็สรวลเสเฮฮากันได้นิดนึง (แต่อย่าเยอะ)

ข้อนี้เคยลองด้วยแหละ ช่วยได้ในระดับนึง แต่ต้องขึ้นกะกลุ่มเพื่อนด้วย
เพราะถ้าไปอ่านในกลุ่มเพื่อนที่เห็นแก่ตัว แกอ่านไปชั้นก็อ่านไป
ถึงแกจะสงสัยแต่ชั้นก็จะไม่อธิบายให้แกฟัง อันนี้ก็แย่หน่อย
แต่ถ้าเจอเพื่อนชิลๆ เหมือนกันเกินไปก็ไม่ดีอีก เดี๋ยวรวมหัวกันไม่อ่านหนังสือ 555

5. กินคลายเครียด

ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเวลาอ่านหนังสือสอบแล้วจะหิวง่ายเป็นพิเศษ
สงสัยเพราะสมองใช้พลังงานมากเกินไป
ถ้าอ่านหนังสือแล้วหิวก็อนุญาตให้กินขนมเล็กๆ น้อยๆ ได้ (แต่อย่ากินมากไป เดี๋ยวจะอ้วนแบบข้าเจ้า )
จะกินแบรนด์กินวีต้าวีฟิตแชนแนลวีอะไรก็กินไปเถอะ
ถ้ากินแล้วคิดว่ามันช่วยให้สมองปลอดโปร่งพอที่จะอ่านหนังสือได้
(จริงๆ ไม่แนะนำเพราะมันก็ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่และก็แพง
แต่บางคนกินแล้วรู้สึกไปเองจริงๆ ว่ามันดีขึ้นก็เอา ตามใจเจ้า
เหมือนเวลาสอบจะกินกาแฟเหมือนกัน กินแล้วเหมือนสมองมันสว่างขึ้นอ้ะ
จริงไม่จริงไม่รู้แต่ก็กินตลอด 555)

6. หาอะไรทำคั่นเวลาอ่านหนังสือเป็นพักๆ

อันนี้สำหรับคนสมาธิสั้น ไม่อยากอยู่กับหนังสือสอบนานๆ
ก็ลองแบ่งเวลาเป็นพักๆ เช่นอ่านหนังสือ 30 นาที
ดูละครใน youtube ซัก 10 นาที หรือจะแอบอู้มาแชต เล่นเกม วิธีไหนก็ตามแต่
เป็นการให้รางวัลตัวเองที่อดทนไง แต่ก็ต้องกลับไปอ่านหนังสือด้วยนะ
อย่าให้รางวัลตัวเองเพลินล่ะ 

7. วางแผนทำกิจกรรมกับเพื่อนหลังสอบเสร็จ

ส่วนใหญ่เวลาสอบเสร็จจะมีเวลาว่างกันวันสองวัน (ถ้าไม่มีก็เอามันตอนเย็นนั่นแหละ)
อาจจะวางแผนไปเมา (เอิ๊ก ) ไปร้องคาราโอเกะ ไปดูหนัง ไปกินข้าวมื้อใหญ่ซักมื้อ ยังไงก็ได้
ตอนสอบจะได้มีกำลังใจไง เดี๋ยวสอบเสร็จก็ได้ซิ่งแล้ว ทนหน่อย อีกนิดเดียว
(นี่เหลือสอบอีกวันนึง ข้าเจ้าจะได้ไปร้องเกะแล้ว อุกรี๊ดๆๆๆๆ )

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีเลือกซื้อขนมปังปอนด์


วิธีเลือกซื้อขนมปัง ให้เลือกซื้อแต่ขนมปังที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ โดยจะต้องสังเกตจากวันหมดอายุที่ติดอยู่บนถุงที่ใช้บรรจุขนมปัง  ส่วนขนมปังที่มีวางขายอยู่ทั่วไปตามตลาดสดที่ไม่ระบุวันหมดอายุ ไม่ควรซื้อมารับประทานโดยเด็ดขาด บางเจ้าขายไม่หมดก็จะนำออกมาวางขายทุกวันจนกว่าจะหมด เราไม่สามารถทราบได้ว่าขนมยี่ห้อนี้ทำมากี่วันแล้ว เพราะบางทียี่ห้อก็ไม่น่าเชื่อถือแล้วยังไม่ระบุวันหมดอายุอีกด้วย ถึงแม้คนขายจะบอกว่าพึ่งทำใหม่ๆ นอกจากว่าเราจะเป็นร้านที่เชื่อถือได้และมีการอบขนมใหม่ๆ ทุกวัน เราสามารถสัมผัสดูเนื้อของขนมปังดูได้ สังเกตว่าขนมปังจะมีความนุ่ม และหอมกลิ่นของขนมปังพึ่งผ่านการอบมาใหม่ๆ จริง ถ้าเราไม่แน่ใจในคุณภาพของขนมปังที่มีวางขายตามตลาดสด เราควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้อย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อหรือจากซุปเปอร์มาเก็ตจะดีกว่า และบนถุงควรจะระบุข้อมูลโภชนาการ ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายด้วยก็จะน่าเชื่อถือกว่า ส่วนขนมปังที่ซื้อมาแล้วหากเราทานไม่หมด ก็สามารถนำเก็บในตู้เย็นได้ หากจะทานก็นำมาใส่ไมโครเวฟก่อน ส่วนวิธีอุ่นขนมปังด้วยไมโครเวฟก็ทำง่ายๆ ด้วยการนำผ้าสะอาดชุบน้ำพอหมาด มาห่อแผ่นขนมปังไว้แล้วนำไปวางบนจาน ก่อนนำเข้าไมโครเวฟ ใช้เวลาอุ่นประมาณ 2-3 นาที ขนมปังที่ได้จะนุ่มน่าทานเหมือนขนมปังที่ซื้อมาใหม่ๆ เลยค่ะ แต่ถ้าเรานำเข้าไมโครเวฟทันทีโดยไม่ห่อผ้าหมาดๆ ขนมปังอาจจะแข็งไม่น่าทานก็ได้นะคะ